006 : น้ำแข็ง

เมื่อแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ลับหายไปจากตา ความมืดก็เข้ามาปกคลุมทั่วพื้นพสุธาที่เรายืนอยู่อย่างเงียบเชียบ ข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยวที่เข้ามาเกาะกินหัวใจเย็นๆ ของคนหลายๆ คน รวมทั้งของข้าพเจ้า ไม่ต่างอะไรกับความมืดในจิตใจที่ย่ำกรายเข้ามา ยามที่แสงสว่างที่สถิตอยู่ภายในดวงใจดับวูบลง ข้าพเจ้าพบว่าข้าพเจ้าอยู่คนเดียว เบื้องหน้าเป็นหลังที่เห็นไวๆ ของใครบางคน คนสุดท้ายที่หายไปกับความมืดอนธการที่แสนยาวนาน อกของข้าพเจ้ามีความรู้สึกหนาวแปลกๆ เข้ามาเกาะกุม ดั่งจะพรากวิญญาณอันอ่อนแอนี้ออกไปจากร่างที่มีสภาพไม่ต่างอะไรกับซากโครงกระดูกแห้งๆ

ยามค่ำคืนผ่านไปอย่างเชื่องช้า ใบหญ้าหนักอึ้งไปด้วยน้ำค้างที่เย็นยะเยือก ดั่งจิตใจอันหนาวเหน็บเมื่อตอนที่เทียนแห่งกำลังใจดับวูบ ข้าพเจ้ารู้สึกถึงเกล็ดน้ำแข็งที่ฝังตัวลึกอยู่ในหัวใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงความเหน็บหนาวที่แผ่ซ่านออกมาจากเกล็ดน้ำแข็งเหล่านั้น เกล็ดน้ำแข็งที่เสียดแทงเข้าไปลึกสุดใจของข้าพเจ้า

ความเงียบงันก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งที่คุกคามจิตใจของข้าพเจ้า เมื่อยามที่ข้าพเจ้าไม่มีใคร ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนความเงียบมีกำลังมากเหลือ มันออกแรงบีบไปทั่วทุกส่วนของร่างกายข้าพเจ้า ทั้งบีบให้คอของข้าพเจ้าตีบตัน บีบให้น้ำตาที่หนักแสนหนักไหลออกมาจากซอกตาอย่างโหดร้าย บีบให้ข้าพเจ้าอยากจะร้องตะโกนดังๆ แต่ทำไม่ได้

ข้าพเจ้ามองขึ้นไปข้างบน ดาวทอแสงระยิบระยับบนฟากฟ้า แสงดาวเหล่านี้เป็นหนึ่งในสิ่งไม่กี่อย่างที่ยังคงหัวใจของข้าพเจ้าไว้ ไม่ให้ถูกเกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมกัดกินจนสิ้น

ดวงดาวทอแสงอย่างอ่อนโยนปรานีมายังข้าพเจ้า และทันใดนั้น แสงดาวก็ค่อยๆ จางหายไป เมฆฝนสีดำคล้ำเคลื่อนเข้ามาปกคลุมแทนที่ท้องฟ้าที่โปร่งโล่ง เสียงฟ้าร้องดังสนั่นเข้าทำลายความเงียบที่ดำเนินไปนานเหลือ แต่แทนที่ความหม่นหมองใจจะลดลง มันกลับเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นกลัวกับเสียงดังที่ข้าพเจ้าว่าไปแล้ว และทำให้หัวใจของข้าพเจ้าหดเล็กลงไปอีก ข้าพเจ้ากำลังรู้สึกว่าข้าพเจ้าอยู่เดียวดายบนโลกใบนี้

ข้าพเจ้ารู้สึกว่าหัวใจของข้าพเจ้าถูกบีบคั้นอย่างโหดร้าย ข้าพเจ้ารู้สึกว่าโลกนี้ช่างหมองหม่นและสีเทาสิ้นดี ข้าพเจ้ารู้สึกว่าการมีอยู่ของวิญญาณของข้าพเจ้านั้นไม่มีประโยชน์ต่อไปอีกแล้ว

ข้าพเจ้าหยิบสิ่งหนึ่งขึ้นมาจากพื้น ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมาอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร คงจะเป็นพรที่ประทานมาจากสวรรค์ชั้นบนล่ะกระมัง ฟ้าร้องเสียงดังอีกครั้ง แสงที่บ้าบิ่นบนฟากฟ้าตกกระทบสิ่งของสิ่งนั้นเป็นประกายวับ น้ำฝนที่เย็นจัดไหลลงมาตามคมมีด ถ้ามันมีชีวิตคงกรีดร้องด้วยเสียงที่ดังจนโลกทั้งโลกทลายไปเลยกระมัง

ข้าพเจ้ามองดูฟากฟ้าดำมืดเป็นครั้งสุดท้าย และสิ่งที่อยู่ในมือของข้าพเจ้าก็เสียดแทงเข้าไปในอกของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกถึงแผ่นเหล็กเย็นๆ ที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ ข้าพเจ้ารู้สึกถึงเลือดที่เย็นราวน้ำแข็งทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย แต่ยังไม่ทันที่มันจะเปรอะเปื้อนใบมีดก็ถูกฝนที่เย็นกว่าชะล้างไปเสียสิ้น ใบมีดแทงลึกเข้าไปเรื่อยๆ แต่ข้าพเจ้าหาได้รู้สึกว่ามันฝังลึกเข้าไปในจิตใจดั่งเกล็ดน้ำแข็งอันยะเยือกเย็นไม่

ฉับพลัน เมฆทั้งสิ้นบนฟากฟ้าก็หายไป ฝนเม็ดสุดท้ายตกลงมาในขณะเดียวกับแสงแรกของดวงอาทิตย์เสียดแทงผ่านฟ้า คนที่ไม่เคยคิดจะเหลียวแลข้าพเจ้ากลับเข้ามารุมล้อมข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพบว่าถึงข้าพเจ้าจะมีคนมารุมล้อม มีคนมาอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจที่เคยเย็นยะเยือกนั้นอบอุ่นขึ้นมา ตรงข้าม น้ำแข็งกลับยิ่งแผ่ซ่านความเย็นให้เกาะกุมทั้งหัวใจ ทั้งร่างอันบอบบางนั้น

หลายคนถาม "ทำไม"
ข้าพเจ้าตอบว่า "มันสายไปเสียแล้ว ..."
แล้วดวงอาทิตย์ทั้งมวลก็ดับสูญไปในลมหายใจสุดท้าย ...

ป.ล. รายละเอียดเพิ่มเติม ... ของมีคมที่มีใบมีดที่กล่าวถึงคือคัตเตอร์
ป.ป.ล. Norah Jones ถูก Daughtry เอาที่หนึ่งของชาร์ตอัลบั้ม US คืนไปแ้ล้ว ย้ากกกก แล้วตูเป็นอะไรล่ะเนี่ย
โอว..
นิยายฆาตกรรมนี่หว่า - -'

(คัตเตอร์แทงหุ่นยนต์เข้าด้วยหรอ? 55)
เมื่อ March 19, 2007 at 8:41 PM โดย Anonymous Anonymous  
งวดนี้ดูล้นๆยังไงไม่รู้
ยาวแต่ไม่ค่อยน่าอ่าน *-* ดูมันเกินๆ อึดอัดๆ แฮะ
เมื่อ March 23, 2007 at 9:39 PM โดย Anonymous Anonymous  
อย่าฆ่าตัวตายกันบ่อยสิวะ

กำลังจะเขียนเลย
เมื่อ April 18, 2007 at 9:29 AM โดย Anonymous Anonymous  
Comment | Top